ครอบครัวหลวงพ่อแดงวัดเขาบันไดอิฐ






หลวงพ่อแดงวัดเขาบันไดอิฐ ท่านเกิด พ.ศ. ๒๔๒๑ ที่ตำบลบางจาก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี บิดาชื่อนายแป้น มารดาชื่อนางนุ่ม อ้นแสง มีพี่น้องรวมกัน ๑๒ คน ท่านเป็นคนที่ ๕

ปัจจุบันพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ คือ นางน้อย เกิดประดับ น้องชายของท่าน คือ พระครูปัญญาโชติวัฒน์ ( เจริญ ธมฺมโชติ ) เป็นอดีตเจ้าอาวาสปกครองดูแลวัดทองนพคุณ  จังหวัดเพชรบุรี โยมบิดามารดาของท่านถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีบุญมีวาสนา เนื่องจากมีลูกชายได้อุปสมบท ครองสมณเพศเป็นสงฆ์อยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตรวมกันถึง ๒ รูป ยิ่งกว่านั้นยังได้เป็นถึงเจ้าอาวาส ได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรทั้ง ๒ รูป ด้วย ครอบครัวของหลวงพ่อแดงมีฐานะพอมีพอกิน เป็นชนชั้นกลาง และเป็นครอบครัวใหญ่

 ปี พ.ศ. ๒๔๔๑ เมื่อท่านครบบวช พ่อแม่ได้ตกลงใจนำท่านไปฝากไว้กับพระอาจารย์เปลี่ยนแห่งวัดเขาบันไดอิฐ ได้รับฉายาว่า รตฺโต ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดเขาบันไดอิฐแห่งนี้ตลอดมา ไม่เคยไปจำพรรษาที่วัดใด เมื่อบวชแล้ว ท่านได้เรียนวิชาไสยศาสตร์ คาถาอาคมและวิปัสสนากัมมัฏฐานกับพระอาจารย์เปลี่ยนจนจบ (พระสงฆ์สมัยนั้นมักมีความรู้ทั้งสองด้านด้วยกัน) เมื่อพระอาจารย์เปลี่ยนมรณภาพ หลวงพ่อแดงอายุย่างเข้า ๔๐ ปี พรรษา ๒๐ ก็ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐแทนสืบมา

หลวงพ่อแดงมีวิทยาคมขลังเป็นที่เลื่องลือ นับถือกันอย่างมาก ในปีพ.ศ. ๒๔๗๙ ได้เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรงทั่วเมืองเพชรบุรี วัวควายล้มตายลงเป็นอันมากชาวบ้านพากันวิตกกังวลไม่เป็นอันทำมาหากิน ท่านได้ทำพิธีปลุกเสกผ้ายันต์สีแดง ขนาดผ้าเช็ดหน้า แจกให้ชาวบ้านนำไปผูกที่ปลายไม้ไผ่ แล้วปักไว้ที่คอกวัวคอกควาย ปรากฎว่าคอกใดปักผ้ายันต์ของท่าน  วัวควายของคอกนั้นจะปลอดภัยไม่เป็นโรค  ชื่อเสียงครั้งนี้ท่านจึงโด่งดังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเรื่อยมา มีชาวบ้านไปขอของดีจากท่านไว้ป้องกันตัว มิได้ขาด ด้วยความเมตตานุเคราะห์ท่านจึงได้ทำผ้ายันต์และตะกรุดไว้แจกเป็นจำนวนมาก ผู้นำตะกรุดและผ้ายันต์ของท่านไปบูชาจะประสบกับอิทธิปาฏิหาริย์ให้อัศจรรย์อยู่เสมอมิได้ขาด

เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๒ ในวโรกาสที่ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระครูญาณวิลาศ" พร้อมรับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ เหล่าลูกศิษย์และญาติโยมผู้เลื่อมใสศรัทธาจึงได้จัดฉลองสมณศักดิ์ถวาย ในคราวนี้ท่านได้สร้างเหรียญแจกผู้มาร่วมงาน นับว่าเป็นเหรียญรุ่นที่หนึ่ง คือ เหรียญทองแดงรมดำ จำนวน ๑๕,๐๐๐ เหรียญ และเหรียญเงินจำนวน ๘๓ เหรียญ เท่าจำนวนอายุของท่านพอดี ซึ่งย่างเข้าปีที่ ๘๓

ตัวเหรียญนี้เป็นรูปวงรี กว้าง ๒.๖ เซนติเมตร สูง ๓.๔ เซนติเมตร เนื้อโลหะทำด้วยทองแดงรมดำ ด้านหน้าบนซ้ายมือมีอักษรปั๊มนูนสูง  "พ.ศ. ๒๕๐๓" ด้านขวามือมีอักษรเขียน "อายุ ๘๒ ปี" ส่วนด้านล่างเขียนว่า "พระครูญาณวิลาศ (แดง)" ส่วนด้านหลัง ลงหัวใจพระพุทธคุณภาษาขอม ตรงกลางด้านหลังลงยันต์สี่ มีหัวขมวด เป็นเหรียญที่ดังมาก พุทธคุณมีประสบการณ์สูงทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ปัจจุบันหายากมาก ราคาเช่าบูชาก็แพงลิบ เหรียญเงินว่ากันที่หลักล้าน ส่วนเหรียญทองแดงว่ากันที่หลักแสน

เมื่อเหรียญรุ่นหนึ่งสร้างปาฏิหาริย์มากมาย กิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์จึงเลื่องลือไปทั่วทิศ ชาวบ้านต่างพากันมาขอเหรียญร่วมทำบุญอย่างล้นหลาม จนเหรียญรุ่นหนึ่งหมดไปจากวัด จึงได้จัดสร้างเหรียญรุ่นสอง ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๗ ลักษณะองค์หลวงพ่อและอักขระเลขยันต์เหมือนกับเหรียญรุ่นหนึ่ง แต่ต่างกันที่คำว่า"เอ" (ซึ่งเป็นอักษรขอมตำแหน่งล่างสุด) ของรุ่นหนึ่งดูคล้าย "ฃ" แต่ของรุ่นสองดูคล้ายเลข "๘" เหรียญรุ่นสองนี้มีประสบการณ์แคล้วคลาดมากมายไม่แพ้รุ่นหนึ่ง ในการสร้างรุ่นที่สองนี้ หลวงพ่อแดงท่านได้สั่งทำเหรียญขนาดเล็กด้วยอัลปาก้า เพื่อแจกแม่ครัวเรียกว่า "รุ่นแจกแม่ครัว" อีกด้วย

เมื่อคราวฉลองอายุท่านปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ทางวัดได้สร้างเหรียญขึ้นใหม่ โดยใช้ข้อความและตัวอักษร เหมือนรุ่นหนึ่งทุกอย่าง แต่ใบหน้าหลวงพ่อเปลี่ยนไป ในปีเดียวกันนี้มีพ่อค้าได้สร้างเหรียญขึ้นอีกรุ่นเพื่อนำไปให้ท่านปลุกเสก คราวนี้ได้เปลี่ยนใบหน้าหลวงพ่อให้ชราภาพมากขึ้น ข้อความด้านหน้าเหรียญด้านบนปั๊มคำว่า " พ.ศ. ๒๕๑๐ ที่ระลึกอายุครบรอบ ๘๙ ปี" ด้านล่างปั๊มคำว่า "พระครูญาณวิลาศ (แดง)" อักษรเลขยันต์ด้านหลังเหมือนรุ่นหนึ่ง แต่ได้ตอกภาษาจีนอ่านว่า " โจว" ไว้ที่ใต้ตัวอุ เหรียญรุ่นนี้มีเนื้อทองคำ นาค เงิน และทองแดงรมดำ เนื้อทองแดงมีจำนวน ๒,๐๐๐ เหรียญ

พ.ศ. ๒๕๑๑ ท่านมีอายุครบ ๙๐ ปี พลโท สำราญ แพทยกุล แม่ทัพภาคที่ ๑ ในขณะนั้น ซึ่งเป็นชาวเพชรบุรีโดยกำเนิด ได้ขอให้ท่านทำเหรียญขึ้นอีกรุ่นเป็นรูปอาร์ม โดยได้ว่าจ้างให้กองกษาปณ์ กรมธนารักษ์ ออกแบบ แกะพิมพ์และปั๊มเหรียญรุ่นนี้ขึ้น โดยจำนวนที่สร้างคือ เนื้อทองแดงมีจำนวน ๔๘,๐๐๐ เหรียญ ส่วนเนื้อเงินและทองคำ ตามจำนวนที่สั่งจอง เหรียญรุ่นนี้เรียกว่า "รุ่นแม่ทัพสร้าง" หรือ "เหรียญแม่ทัพ" และยังมีเนื้ออัลปาก้าอีกด้วย

เป็นเหรียญรุ่นที่ได้รับความนิยมมากรองจากรุ่น ๑ พิธีปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้จัดว่ายิ่งใหญ่มาก เพราะนอกจากหลวงพ่อแดงท่านจะปลุกเสกเดี่ยวแล้ว ยังจัดให้มีพิธีพุทธาภิเษก และมีมหรสพเฉลิมฉลอง ๕ วัน ๕ คืน ภายหลังจากพิธีจึงได้นำเหรียญออกให้เช่าบูชา

เมื่อเปิดให้เช่าบูชา มีทหารจำนวนมากได้เช่าบูชาไป แล้วนำไปทดลองยิงที่ข้างวัด ปรากฏว่า "ปืนแตก" ดังนั้น เหรียญรุ่นนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "รุ่นปืนแตก"

การนำไปลองยิงจนปืนแตก ทำให้มีผู้สนใจบูชากันจนเหรียญหมดภายในวันเดียว ดังนั้น มทภ. 1 จึงต้องสั่งให้ปั๊มขึ้นมาอีก โดยใช้แม่พิมพ์ที่เคยใช้ปั๊มเหรียญเนื้อทองคำและเนื้อเงิน ชนิดมีดาวมาปั๊มเหรียญเนื้อทองแดงด้วย โดยต้องเร่งใช้รถ GMC บรรทุกเหรียญมาให้หลวงพ่อแดงปลุกเสก โดยเหรียญที่ปั๊มเพิ่ม หลวงพอแดงปลุกเสกเดี่ยว ไม่ทันปลุกเสกหมู่ เพื่อให้ทันก่อนวันที่ ๑๙ เมย. ๒๕๑๑ ซึ่งเป็นวันที่ได้ประกาศว่าจะเปิดให้เช่าบูชาเป็นครั้งที่ ๒

ในปี ๒๕๑๒ ได้มีการสร้างเหรียญที่ต่อมาได้รับความนิยมมากที่สุดเหรียญหนึ่ง คือ เหรียญ "รุ่นโบสถ์ลั่น" หรือ "เหรียญสองพี่น้อง" หรือ"เหรียญรูปซ้อนหลวงพ่อแดง-หลวงพ่อเจริญ"
หลวงพ่อเจริญ หรือ พระครูปัญญาโชติวัฒน์ อดีตเจ้าอาวาส วัดทองนพคุณ จังหวัดเพชรบุรี เป็นน้องชายร่วม บิดา-มารดาเดียวกับหลวงพ่อแดง มีอายุอ่อนกว่าหลวงพ่อแดง ๕ ปี มีความต้องการที่จะจัดสร้างเหรียญรูปซ้อนขึ้น เพื่อหาเงินมาสร้างและซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างและถาวรวัตถุ ภายในวัดทองนพคุณ จึงได้เข้าไปปรึกษาหลวงพ่อแดง ผู้เป็นพี่ชาย

เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อเจริญจึงจัดสร้างขึ้นในปี ๒๕๑๒ แล้วนำไปให้หลวงพ่อแดงปลุกเสกก่อน ๑ พรรษา ภายหลังจึงจัดทำพิธีพุทธาภิเษกขึ้นที่วัดทองนพคุณ โดยนิมนต์เกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาคมเข้ามาร่วมปลุกเสก โดยมีหลวงพ่อแดง เป็นประธานในพิธี

ในขณะที่ปลุกเสกเหรียญรูปซ้อนดังกล่าวในพระอุโบสถนั่น ก็เกิดเสียงลั่นที่โน่นที่นี่ภายในโบสถ์ บรรดาญาติโยมและผู้ศรัทธาที่อยู่ใมโบสถ์ ต่างก็สอดส่ายสายตามองไปภายในรอบๆ โบสถ์ ว่ามีเหตุการณ์ผิดปรกติ โบสถ์จะร้าวลั่นแตกพังลงมาหรือไม่ ปรากฏว่า สภาพภายในก็เป็นปรกติ มีแต่เสียงที่ยังคงดังลั่นอยู่
หลังจากพิธีปลุกเสกได้เรียบร้อย เสียงดังกล่าวก็ได้เงียบหายไป ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพูดต่อกันปากต่อปาก เป็นที่โจษจันกันไปในเวลาอันรวดเร็ว

จากนั้นเมื่อนำเหรียญรูปซ้อนออกมาให้เช่าบูชา ปรากฏว่าเหรียญได้หมดไปจากวัดในเวลาสั้นๆ ไม่เพียงพอต่อผู้ที่เข้ามาเช่าหาบูชา หลวงพ่อเจริญจึงได้จัดสร้างเหรียญนี้ใหม่อีกครั้ง โดยแกะแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ โดยใช้แบบอย่างเหรียญเดิม แล้วนำเหรียญรุ่นที่ ๒ ดังกล่าวจำนวนหนึ่งมอบให้กับหลวงพ่อแดงที่วัดเขาบันไดอิฐ

พ.ศ. ๒๕๑๓ คณะนายทหารตำรวจจากโรงเรียนนายร้อย จปร. รุ่น ๑๒ ซึ่งมี พลโท ฉลาด หิรัญศิริ เป็นประธานรุ่น ได้ขออนุญาตหลวงพ่อแดงสร้างเหรียญเพื่อเป็นที่ระลึกในการรับราชการครบ ๓๐ ปี แล้วนำมาให้หลวงพ่อแดงปลุกเสก ๑ ไตรมาสแล้วนำมาเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดบวรนิเวศวิหาร โดยพระเกจิชื่อดังทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่ง เหรียญรุ่นนี้มีโค้ดคำว่า "แดง" ซึ่งเป็นลายมือของหลวงพ่อ แกะเป็นแม่พิมพ์แล้วตอกลงไปด้านหน้าของทุกเหรียญ

นอกจากเหรียญรุ่น จปร แล้ว ในปี ๒๕๑๓ หลวงพ่อแดงท่านสร้างวัตถุมงคลหลายชนิด ท่านยังสร้างเหรียญรุ่น พศ. ๒๕๑๓ อายุ ๙๒ ปี และ "พระผงญาณวิลาศ" ไว้ด้วย พระผงญาณวิลาศนี้ หลวงพ่อแดงปลุกเสกเดี่ยวเป็นเวลา 1 ปีเต็ม แล้วจึงนำออกแจกในปี ๒๕๑๔ (ที่กล่องจะเขียนว่าปี ๒๕๑๔) โดยสามารถแบ่งได้เป็น ๓ พิมพ์ ด้านหลังปั๊มยันต์และอักขระของหลวงพ่อ คือ
  1.  พิมพ์พระสมเด็จ แบ่งออกเป็น พิมพ์ตื้นซึ่งสร้างขึ้นก่อน หายาก, พิมพ์ลึกเป็นพิมพ์ที่พบเห็นกันทั่วไปในวงการ พิมพ์สมเด็จมีสีแดง สีเหลือง สีขาว พิมพ์ใหญ่จะมีขนาดกว้าง ๒.๒ เซ็นติเมตร สูง ๓.๖ เซ็นติเมตร นอกจากนี้ยังมี "พิมพ์คะแนน" ที่มีขนาดเล็กลงมา ทำขึ้นสำหรับคั่น เวลานับจำนวนพิมพ์ใหญ่ได้ครบทุก ๑๐๐ องค์ พระผงรุ่นนี้มีประสบการณ์มากมาย แม้กระทั่งตำรวจพลร่มโดดร่มลงมาแต่ร่มไม่กาง แต่กลับรอดตายราวปาฏิหาริย์ โดยในคอแขวนพระผงญาณวิลาศของหลวงพ่อแดงนั้นเอง
  2. พิมพ์สามเหลี่ยมหรือพิมพ์นางพญา
  3. พิมพ์พระปิดตา
โดยทั้ง ๓ แบบมีเนื้อ ๔ สีคือ ขาวอมเหลือง แดง เทา และดำ และนอกจากเนื้อผงแล้วก็มีเนื้อชินอีกด้วย
มวลสาร (บางส่วน) ที่นำมาผสมในองค์พระมีดังนี้

วัตถุมงคลของท่านยังมีอีกหลายรุ่น เช่น ยุวพุทธิกสมาคม ชลบุรี สร้างรุ่นพิเศษ "ไตรภาคี" เนื้อผงสีแดง พิมพ์พระแก้วมรกต พระพุทธสิหิงค์ และพระพุทธชินราช นำมาให้ท่านปลุกเสก , รุ่นวัดเทพธิดา (หลังโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ) สร้าง, เหรียญที่มีรูปท่านเต็มองค์นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าเหรียญ เรียกว่า "เหรียญคุกเข่า" ที่สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗

พระครูญาณวิลาศหรือหลวงพ่อแดงมรณภาพวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๗ ด้วยโรคชราที่วัดเขาบันไดอิฐ สิริอายุ ๙๖ ปี พรรษาที่ ๗๔

ลิงค์ที่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับราคาเช่าบูชา และประวัติ หลวงพ่อแดงวัดเขาบันไดอิฐ